ใหม่ Vivo Y31 4+128GB ราคา 5, 499 บาท (ปกติ 5, 999 บาท) อีกหนึ่งเวอร์ชั่นเพื่อให้ทุกคนสามารถจับจองเป็นเจ้าของกันได้ง่ายมากขึ้น ในราคาย่อมเยาสุดคุ้ม สมาร์ทโฟนหน้าจอ 6. 58 นิ้ว FHD+ แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh ชาร์จไว18W มาพร้อมกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล และกล้องหลัง 3 เลนส์ ชัดสุด 48 ฟีเจอร์เด่นของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ อย่างแรกเลยคือล้านพิกเซลกล้องหลังให้ความละเอียดมาสูงสุดถึง 48 ล้านพิกเซล ถ่ายได้คมชัด พร้อมเลนส์ Bokeh และ Super Macro ให้ถ่ายได้ครบทุกฟังก์ชัน หน้าจอแสดงผล Halo FullView Display ใหญ่ถึง 6. 58 นิ้ว รับชมได้เต็มตา ใช้งานได้สะใจ นอกจากนี้ยังมาพร้อมหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 662 ช่วยให้ใช้งานทั่วไปได้อย่างไหลลื่น รวมถึง RAM 8GB ที่ให้มาเท่าๆ รุ่นเรือธงเลยทีเดียว ระบบปฏิบัติการ Android 11 รุ่นล่าสุดจาก Google แบตเตอรี่ให้มาใหญ่ๆ ถึง 5000mAh ทั้งยังรองรับชาร์จเร็ว 18WW SuperDart Charge และรองรับช่องใส่การ์ดแบบ 3 ช่อง ได้แก่ nanoSIM 2 ช่อง + MicroSD Card อีก 1 ช่อง สรุปสเปค Vivo Y31 4+128GB ขนาดตัวเครื่อง: 163. 86 × 75. 32 × 8. 38 มม. น้ำหนัก: 188 กรัม หน้าจอแสดงผล Halo FullView Display ชนิด IPS LCD ขนาด 6.
พ. 64 เป็นต้นไป ในราคาเริ่มต้นเพียง 30, 900 บาท เฉพาะที่ เท่านั้น หรือศึกษาคุณสมบัติเพิ่มเติมได้ที่ สเปก Samsung Galaxy Tab S7 ขนาดตัวเครื่อง 253. 8 x 165. 3 x 6. 3 มิลลิเมตร น้ำหนัก 498 กรัม (ในรุ่น Wi-Fi) และ 500 กรัม (ในรุ่น LTE) หน้าจอ LTPS TFT ขนาด 11 นิ้ว ความละเอียด WQXGA (2560 x 1600 พิกเซล) ความสว่างสูงสุด 500nits หน้าจอรีเฟรชเรท 120Hz ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 865+ (7nm) RAM 6GB ROM 128GB สามารถเพิ่ม micro SD Card ได้สูงสุด 1 TB กล้องหลัง 2 ตัว โดยกล้องหลัก ให้ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล + เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และสามารถบันทึกวีดีโอได้ในระดับ 4K ที่ 30fps กล้องหน้า ให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล แบตเตอรี่ขนาด 8, 000 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 45 วัตต์ โดยชาร์จผ่าน USB Type-C 3. 2 รองรับสแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง รองรับปากกา S-Pen ที่ได้รับการอัปเกรด ที่ให้ความลื่นไหลในการใช้งานมากขึ้นด้วยค่า Latency ที่ 26ms และสามารถชาร์จแบตเตอรี่ที่แผงแม่เหล็กฝาหลังของตัวเครื่อง รองรับเครือข่าย LTE รองรับการเชื่อมต่อ 5G รองรับ Wi-Fi 6 (802. 11a/b/g/n/ac/ax) รองรับ Bluetooth 5.
5) เซนเซอร์: สแกนลายนิ้วมือ (ด้านข้างตัวเครื่อง) แบตเตอรี่: 5, 020mAh รองรับระบบชาร์ตไว 33W ระบบเสียง: ลำโพงคู่สเตอริโอ กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP53 OS: Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 12 สี: Onyx Gray, Pebble White และ Ocean Blue ราคา: รุ่น RAM 6GB + 64GB ราคาประมาณ 6, 900 บาท, รุ่น RAM 6GB + 128GB ราคาประมาณ 7, 500 บาท และรุ่น RAM 8GB + 128GB ราคาประมาณ 8, 500 บาท วันวางขาย: เตรียมวางขายในกลุ่มประเทศแรกเมษายน 2564 สเปค Redmi Note 10 Pro หน้าจอ: Super AMOLED ขนาด 6. 67 นิ้ว แบบ DotDisplay (รูเล็กเพียง 2. 96 มม. ), ความละเอียด FHD+, รีเฟรชเรท 120 Hz, รองรับ HDR10 ชิพเซ็ท: Qualcomm Snapdragon 732G RAM: 6GB / 8GB (LPDDR4X) หน่วยความจำภายใน: 64 GB / 128GB (UFS 2. 9), Ultra-wide ความละเอียด 8MP, Tele-Macro ความละเอียด 5MP และ Depth ความละเอียด 2MP) กล้องหน้า: 16MP (f/2. 45) เซนเซอร์: สแกนลายนิ้วมือ (ด้านข้างตัวเครื่อง) แบตเตอรี่: 5, 020mAh รองรับระบบชาร์ตไว 33W ระบบเสียง: ลำโพงคู่สเตอริโอ กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP53 OS: Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 12 สี: VIntage Bronze, Glacial Blue, Dark Night ราคา: รุ่น RAM 6GB + 64GB ราคาประมาณ 6, 600 บาท, รุ่น RAM 6GB + 128GB ราคาประมาณ 7, 000 บาท และรุ่น RAM 8GB + 128GB ราคาประมาณ 7, 900 บาท วันวางขาย: เริ่มวางขายในอินเดีย 17 มีนาคม 2564 เป็นต้นไป สเปค Redmi Note 10 Pro Max หน้าจอ: Super AMOLED ขนาด 6.
9 + เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2. 2 สามารถถ่ายภาพมุมกว้างได้ 118 องศา + เลนส์ Tele-Macro ให้ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2. 4 สามารถซูมได้ 2 เท่า + เลนส์ Depth Camera ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ทั้งนี้ Redmi Note 10 Pro พร้อมวางขายในวันที่ 5 เมษายน 2021 ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 8, 499 บาท ในรุ่น 6GB + 64GB ราคาอยู่ที่ 8, 499 บาท ในรุ่น 8GB + 128GB ราคาอยู่ที่ 8, 999 บาท สเปก Redmi Note 10 Pro หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6. 67 นิ้ว จอรีเฟรชเรท 120Hz และอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส 240Hz ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 รองรับ HDR10 และสามารถเร่งความสว่างจอได้สูงสุดถึง 1200nits ชิปเซ็ต Snapdragon 732G ความเร็วที่ 2. 2GHz GPU Adreno 618 RAM 6GB/8GB แบบ LPDDR4X ROM 64GB/128GB แบบ UFS 2. 2 สามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้สูงสุด 512GB กล้องหลังมีทั้งหมด 4 ตัว โดยกล้องหลัก มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL HM2 ให้ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1. 2 + เลนส์ Tele-Macro ให้ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2. 4 + เลนส์ Depth Camera ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล กล้องหน้า ให้ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.
11 a/b/g/n/ac แบตเตอรี่ 5200mAh รองรับชาร์จเร็วแบบ DualEngine 18W แกะกล่องเช็คของ อุปกรณ์ภายในกล่องให้มาครบมาก แทบไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มเติม ทั้งหมดจะมีดังนี้ ตัวเครื่อง Infinix Note 8 Adapter รองรับ Fast Charging 18W สาย USB-C หูฟัง เคสใสและฟิมล์ป้องกันหน้าจอ เข็มจิ้มถาดซิม คู่มือการใช้งาน วัสดุและการออกแบบดีไซน์ Infinix Note 8 มากับหน้าจอแบบ Dual Punch hole พาแนลจอ IPS LCD ขนาด 6. 95 นิ้ว ความละเอียด HD+ 720 x 1640 พิกเซล สัดส่วนหน้าจอ 20. 5:9 ค่าความสว่าง 480nit ค่าความคมชัดที่ 1500:1 หน้าจอถือว่าแสดงผลได้สวยงามดีครับ และมีขนาดใหญ่เหมาะสำหรับการชมคอนเท็นต่างๆ จะดูหนังหรือเล่นเกมนี่เหมาะเลย และหน้าจอจะมีโหมดถนอมสายตามมาให้ ช่วยกรองแสงสีฟ้าลงและมีโหมดกลางคืนมาให้พร้อม กล้องหน้าคู่เจาะรูบนหน้าจอความละเอียด 16 ล้านพิกเซลและเลนส์ AI ถัดขอบจอด้านบนจะมีเว็นเซอร์วัดแสง และลำโพงสนทนาและใช้เป้นลำโพงตัวเครื่องเช่นกัน เพราะรุ่นนี้มากับลำโพงคู่ Dual Speakers นั้นเอง ด้านล่างจะมีไมค์สนทนา / ช่องเสียบหูฟังแบบ 3. 5 มม. / พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวเครื่อง ฝั่งขวาจะเป็นตำแหน่งของปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่ม power / ตรงปุ่ม power ใช้งานร่วมกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ สามารถปลดล็อคได้ภายในเวลา 0.